“สกายเวิร์ท” รุกใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้า ทุ่ม 50 ล้านปั้นทีวี กรุยทางต่อยอดตู้เย็น-ซักผ้าปีหน้า
นายหวัง จิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกายเวิร์ท (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายทีวีแบรนด์ “สกายเวิร์ท” (Skyworth) “คูคา” (CooCaa) และ “โตชิบา” กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคไทยเปิดรับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์จีนมากขึ้น สะท้อนจากยอดขายของบริษัทช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเติบโตถึง 50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
จึงถือเป็นโอกาสที่จะเดินหน้าทำตลาดเต็มกำลังในปีนี้ โดยโฟกัสตลาดทีวีซึ่งเป็นสินค้าเด่นของบริษัทในฐานะแบรนด์ทีวีอันดับ 1 ของจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% และท็อป 5 ในตลาดทีวีโลก อีกทั้งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสนใจเหมาะกับการเป็นหัวหอกสร้างการรับรู้แบรนด์ เพื่อต่อยอดไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ซึ่งจะนำเข้ามาทำตลาดในอนาคต
โดยทุ่มงบ 50 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ “สกายเวิร์ท” ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญบนโซเชียล บิลบอร์ดและโรงภาพยนตร์ เจาะผู้บริโภคกลุ่มกลาง-บน เน้นชูจุดขายด้านเทคโนโลยีล้ำ-ดีไซน์หรูในราคาจับต้องได้เมื่อเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันแอนดรอยด์ทีวีพร้อมดีไซน์ไร้ขอบตั้งแต่ไซส์ 32 นิ้ว ราคา 8.9 พันบาทขึ้นไป และ OLED TV พร้อมระบบ AI ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงและควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้
ขณะเดียวกันเดินหน้าขยายช่องทางการขายเพิ่ม เช่น บิ๊กซีและโฮมโปร จากเดิมที่วางขายในเพาเวอร์บาย เพาเวอร์มอลล์และเทสโก้โลตัสอยู่แล้ว รวมถึงออกบูธในงานแฟร์ไม่ว่าจะเป็น เพาเวอร์บายเอ็กซ์โปและเพาเวอร์มอลล์อิเล็กทรอนิกา ซึ่งจะลอนซ์โปรโมชั่นใหญ่กระตุ้นการตัดสินใจ เช่นเดียวกับด้านบริการหลังการขายที่จะแต่งตั้งศูนย์บริการเพิ่มต่อเนื่องจากเดิมที่มีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศเพื่อตอบโจทย์ด้านความเชื่อมั่น
นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสนำไลน์อัพตู้เย็นและเครื่องซักผ้าเข้ามาทำตลาดในปี 2563 อีกด้วย โดยอาศัยการต่อยอดช่องทางการขาย ฐานลูกค้าและการรับรู้จากตลาดทีวีเป็นตัวหนุน เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 1.5 พันล้านบาท ซึ่งหากประสบความสำเร็จจะนำเครื่องปรับอากาศตามเข้ามาอีกในภายหลัง
ทั้งนี้วางเป้ายอดขายทีวีปี 2562 รวมทั้ง 3 แบรนด์ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 3 เท่าจากปี 2561 ที่มียอดขาย 500 ล้านบาท ด้วยสัดส่วนจากแบรนด์สกายเวิร์ท 45% โตชิบา 50% และคูคา 5% พร้อมเล็งขึ้นเป็นผู้เล่นท็อป 3 ในตลาดทีวีภายในปี 2567 ก่อนจะเป็นเบอร์ 1 ใน ปี 2572